หน้าแรกDestinationsดอยหลวงเชียงดาว ยอดเขาเดินเท้าที่สูงสุดในไทย

ดอยหลวงเชียงดาว ยอดเขาเดินเท้าที่สูงสุดในไทย

เมื่อใกล้เข้าปลายปีหลายๆคนก็อยากจะต้องวางแพลนไปเที่ยวเนื่องจากทำงานหนักหน่วงกันมาทั้งปี แถมปัจจุบันก็มีสถานการณ์โรคไวรัสโควิด 19 อาจจะทำให้หลายๆคนในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ไปไหนกันเลย ใช่ครับ..ผมคือหนึ่งในนั้น และเมื่อปลายปีเราก็ต้องคิดอยากจะไปที่ไหนสักที่ที่อากาศเย็นสบาย ก็คงไม่พ้นภาคเหนือหรือจุดหมายแรกที่คิดกันก็คือจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้จะมาเล่าเรื่อง กาลครั้งหนึ่ง ณ ดอยหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่กันครับ

เรื่องมันเริ่มจากว่ามีเพื่อนแชร์โพสต์เกี่ยวกับดอยหลวงเชียงดาว ก็เลยเข้าไปคอมเมนต์ว่าไปๆๆเนื่องจากตัวเองก็ชอบเดินป่าอยู่แล้วด้วย แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปหลายๆที่ ครั้งนี้จึงไม่พลาดก็เลยนัดเพื่อนๆหาก๊วนที่ชอบแนวเดียวกันทำการจองเดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาว เรียบร้อยจำนวน 9 คน แต่ทว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยจึงทำให้พวกเราที่ได้ไปเหลือแค่ 6 คน เท่านั้น เรื่องรายละเอียดการจองนั้นอาจจะไม่ได้ลงลึกนะครับแต่ค่าใช้จ่ายรวมๆอยู่ประมาณ 2,000 บาท สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เพจเฟสบุค เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งปีนี้จะพิเศษกว่าเนื่องจาก UNESCO ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยหลวงเชียงดาวนั้นเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑล แห่งใหม่ของไทยและของโลกด้วยเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564

รอตรวจคัดกรอง ATK เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19เราเดินทางมาถึงเชียงใหม่โดยเครื่องบินวันที่ 12 มกราคม 65 ถึงก็ดึกๆแล้ว เข้าที่พักและออกเดินทางเช้าวันที่ 13 เพื่อมาอบรมก่อนครึ่งวันช่วงเช้า จะมีคนเข้าอบรมทั้งหมด 2 รอบเช้าบ่าย รอบละ 50 คน โดยทุกคนที่เข้าอบรมจะต้องเข้ารับการตรวจคัดกรอง ATK เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 ก็คือถ้าใครขึ้นสองขีดก็ไม่ได้ไปต่อนะ โดยจะมีค่าตรวจคนละ 50 บาทเนื่องจากเป็นบุคลากรจากสาธารณสุขมาตรวจให้เรา

บรรยากาศการอบรมก่อนเดินทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาว

การอบรมนั้นจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงซึ่งจะอบรมเกี่ยวกับข้อมูล ที่มาของดอยหลวงเชียงดาว ว่ามีความสำคัญอย่างไรกับคนในพื้นที่และกฎระเบียบต่างๆและเมื่อเราขึ้นไปข้างบนเราจะไม่ใช้คำว่านักท่องเที่ยวนะ จะเรียกว่านักศึกษาธรรมชาติ ตั้งใจฟังให้ดีอย่าหลับนะฟังเถอะ

บัตรประจำตัวนักศึกษาธรรมชาติและใบประกันอุบัติเหตุ

เมื่อเราอบรมเสร็จแล้วประมาณเที่ยงวัน ทุกคนก็แยกย้ายเข้าที่พักเตรียมตัวเพื่อเดินทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาววันถัดไปครับ

เช้าวันที่ 14 มกราคม 65 ก็มาถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เจ้าหน้าที่จะเปิดให้ทำการลงทะเบียนตั้งแต่ 8 โมงเช้าไล่ตามจุดไปเรื่อยๆ ลงทะเบียนและก็รับกระเป๋าที่ใส่สิ่งของจำเป็นก่อนจะขึ้นไปข้างบนครับนั่นก็คือ ทิชชู่ ถุงดำ ถุงปัสสาวะ และใครที่จองลูกหาบไว้ก็จะชั่งน้ำหนักตรงนี้เลยครับ กิโลละ 60 บาทรวมแล้วขึ้น/ลง ตรวจนับจำนวนขยะและจ่ายค่ามัดจำขยะ 500 บาท/คน ถ้าใครนำลงมาไม่ครบก็จะเสียค่ามัดจำไปนะครับ เมื่อกลุ่มไหนชั่งน้ำหนักตรวจขยะ เรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถกะบะเพื่อเดินทางไปเด่นหญ้าขัด ที่ที่เราจะต้องเดินขึ้นไปบนดอยหลวงเชียงดาวครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณ ปล.ใครไปไม่ครบ 5 คน ให้หาเพื่อนๆกลุ่มอื่นจอยให้ครบนะครับรถถึงจะออกเดินทางได้

บรรยากาศเดินทางเล็กๆน้อยๆ หนุ่มน้อย 6 คนกับรถที่เหมามา 2 คันถ้วน

บรรยากาศระหว่างเดินทางไปเด่นหญ้าขัดครับ แบ่งกันนั่งคันละ 3 คน ส่วนคนที่เพิ่มมาคือลูกหาบและน้องที่เป็นเจ้าหน้าที่นำทางเราขึ้นไปข้างบนครับ ติดรถกันมาเลยที่เหลือๆเพราะเหมาคร้าบบ

เด่นหญ้าขัด
ดอกพญาเสือโคร่ง

หลังจากทุลักทุเลลุยฝุ่นเราก็มาถึงเด่นหญ้าขัดจนได้ จะพบกับดอกพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกแค่ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปีและจะพบได้เฉพาะความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,200 เมตรขึ้นไป เราก็ลงแวะถ่ายรูปกันนิดหน่อยเตรียมของเข้าห้องน้ำให้พร้อมก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบนกัน

ก่อนจะเดินขึ้นแวะถ่ายรูปกับป้ายที่เป็นไฮไลท์หน่อย

แวะถ่ายรูปกันก่อนจะเดินทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาว โดยเส้นทางนั้นระยะทางประมาณ 8.5 กิโลเมตร ข้ามเขาประมาณ 4 ลูก น้องคนนำทางบอกใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงนะ #ทีมเอเนอจี้ใบ

ยอดดอยที่อยู่แสนไกล
ระหว่างการเดินทาง
จุดสกัดสามแยกปางวัว ที่นี่มีสัญญาณโทรศัพท์นะสามารถแวะรายงานทางบ้านก่อนได้

บรรยากาศระหว่างเดินทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาว มีเส้นทางที่เป็นทางราบเดินสบายๆสลับกับเดินขึ้นเขากันไป จะมีป่าหลากหลายรูปแบบครับ ป่าสน ป่ากล้วย และป่าเปิด มีอื่นๆอีกครับบอกตรงๆจำไม่ได้ ซึ่งธรรมชาตินั้นสมบูรณ์มาก อากาศดี มีดอกไม้ต่างๆที่ขึ้นรายล้อมระหว่างทางเดินให้เราได้ถ่ายรูปและศึกษากัน

เติมพลังกันหน่อยเพราะเส้นทางนั้นมันไม่ง่ายเลย

ระหว่างทางก็จะมีจุดที่พักได้เรื่อยๆครับ ก็จะเป็นพื้นที่กว้างหน่อยสามารถพักเอาแรงหรือทานอาหารที่เตรียมมาได้ครับ แต่ที่สำคัญต้องเก็บขยะทุกชิ้นใส่กระเป๋าห้ามทิ้งกันนะทุกคน

กลุ่มนี้แวะทุกจุดครับ ก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูป

เมื่อเจอจุดที่พักก็ไม่พ้นจะถ่ายรูปกันครับ แต่จริงๆคือเหนื่อยอยากจะพักมากกว่า

จุดกางเต็นท์พักแรม อ่างสลุง ดอยหลวงเชียงดาว

เราเดินทางมาถึงประมาณ 4 โมงเย็นครับ ก็มาถึงอ่างสลุงก็คือจุดกางเต็นท์พักแรมของนักศึกษาธรรมชาติทุกคน คนที่มาถึงก่อนและเช่าเต็นท์จากข้างล่างมาก็สามารถเลือกจองได้ก่อนครับ ใครที่นำเต็นท์มาเองก็หาที่ว่างและกางได้เลย และ 4 โมงครึ่งทางน้องนำทางก็จะพาเราขึ้นไปยอดดอยหลวงเชียงดาวเพื่อชมพระอาทิตย์ตกกันครับ ระยะทางอีก 600 เมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

เส้นทางขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาว

เส้นทางขึ้นยอดดอยหลวงเชียงดาวครับ ค่อนข้างชันถึงชันมากๆ มีเชือกให้เกาะแล้วปีนขึ้นไป 2 จุดครับ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือถุงมือเพราะหินข้างบนดอยนั้นจะเป็นหินปูนค่อนข้างจะแหลมคม และไฟฉายคาดหัวแนะนำให้มีติดตัวเลยครับใช้สำหรับเดินลงไปที่กางเต็นท์ เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแล้วจะมืดไวมาก

จุดสูงสุด ยอดดอยหลวงเชียงดาว 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล

ถึงแล้ว!! ในที่สุดพวกเราก็ทำได้ ต่อคิวถ่ายรูปกับป้ายจุดสูงสุด ยอดดอยหลวงเชียงดาว 2,225 จากระดับน้ำทะเล สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย สูงเป็นอันดับ 1 ในการเดินเท้าขึ้นมาในประเทศไทย หายเหนื่อยเลยครับ อากาศดีมาก

อุณหภูมิบนยอดดอยหลวงเชียงดาว 11องศา

อุณหภูมิข้างบนยอดดอยหลวงเชียงดาว 11 องศา อาจจะไม่ใช่เลขตัวเดียวแต่เจอลมบนยอดดอยพัดเข้าไป สั่นกันเป็นแถวเลย

ถ่ายรูปอีกสักไม่นิด กดชัตเตอร์รัวๆ

ขณะที่อยู่ข้างบนนั้นก็แยกกันไปถ่ายรูป และก็มารวมตัวกันถ่ายรูปบ้างอะไรบ้าง ขอบคุณพี่ๆที่ช่วยถ่ายรูปให้ด้วยครับ

หมอกเริ่มจางแดดเริ่มออก

หมอกเริ่มจางลงไป ฟ้าเริ่มเปิดแล้วครับ

พระอาทิตย์ตก ณ ยอดดอยหลวงเชียงดาว

ในที่สุดเราก็ได้เห็นพระอาทิตย์ตกครับ พวกเรานั่งดูกันอย่างใจจดใจจ่อ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในชีวิตที่เคยดูมาเลยก็ว่าได้ครับ

มาม่าบนดอยหลวงเชียงดาว

เมื่อพระอาทิตย์ตกแล้วเราก็ลงมาประกอบอาหารกันที่ลานกางเต็นท์ครับ สิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับผู้ชายขี้เกียจทำอาหารคือ มาม่าครับ โคตรอร่อยเลย จริงๆข้างบนนี้อาหารอะไรก็อร่อยครับขนาดน้ำเปล่าดื่มเข้าไปยังสดชื่นเลย 555 เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วก็ทำธุระส่วนตัวและเข้านอน เจ้าหน้าที่จะให้เวลาถึงสามทุ่ม จะต้องงดใช้เสียงนะครับ

ตอนเช้าบนดอยหลวงเชียงดาว

ตื่นมาตอนเช้าถึงกับเศร้าเพราะจริงๆจะต้องเดินขึ้นไปยอดดอยเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่เช้านี้คือหมอกลงหนามากแบบไม่เห็นอะไรเลย พวกเราจึงอดชมพระอาทิตย์ขึ้น ก็มานั่งทำอาหารเช้าทานกันและเตรียมตัวเก็บข้าวของ เก็บขยะ และเดินทางกลับลงไปข้างล่างเลย

ดอกฟองหินเหลือง
ขนุนดิน
คำขาวเชียงดาว
ดอกสุวรรณภา

ขอปิดท้ายด้วยดอกไม้สวยๆนานาชนิดบนยอดดอยหลวงเชียงดาวนะ ธรรมชาติและระบบนิเวศน์ที่นี่มีความสมบูรณ์มาก นักศึกษาธรรมชาติทุกคนที่ขึ้นมาบนดอยหลวงเชียงดาวก็ควรจะทำตามกฎระเบียบให้ครบถ้วนนะครับเพื่อรักษาธรรมชาติที่สวยงามที่นี่ให้อยู่กับบ้านเราไปนานๆ

ตอนแรกก็บ่นๆแหละว่าจะไม่กลับมาซ่อมที่นี่แล้วเพราะเดินทางไกลค่อนข้างเหนื่อย และด้วยอายุที่มากขึ้นด้วย แต่พอกลับมาแล้วความคิดมันก็เปลี่ยนไป ถ้ามีโอกาสจะกลับไปนะ ดอยหลวงเชียงดาว 

ถ้าผิดพลาดเรื่องข้อมูลประกาศใด ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยครับ

สามารถติดตามเรื่องราวต่างๆของเราได้ที่ ตรงนี้เลย!